อาทิตย์. ก.ย. 15th, 2024

วันอนัตตบูชา วัดเทพติยาจารย์ จังหวัดเชียงใหม่

By admin1 มิ.ย.9,2024

ประวัติวันอนัตตบูชา
วันอนัตตบูชา วัดเทพเจติยาจารย์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่

เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณวชิโรดม(พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร) ได้แสดงธรรมเรื่องความกตัญญูอยู่บ่อย ๆว่า นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญู กตเวทิตา เครื่องหมายของคนดี คือ คนรู้จักบุญคุณคน ถ้าคนใดรู้สํานึกในบุญคุณคน มีความพยายามทําดีตอบแทนด้วยวิธีการต่าง ๆ นี้คือ การสร้างตนให้เป็นคนดี ท่านกล่าวต่อไปว่า บิดามารดานั้นเป็นผู้มีบุญคุณมากมายเหลือล้นต่อลูกๆ ทุกคน ท่านทั้งสองทุ่มเทชีวิตจิตใจเลี้ยงดูลูกด้วยความทะนุถนอม แม้ลําบาก กายใจทํางานหนักหนาสาหัสสักเพียงใดในการหาเงินไม่เว้นแต่ละวัน แม้จะ เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าสักปานใด ก็ยอมอดยอมทนต่อความลําบากทั้งกาย และใจ เพื่อเลี้ยงลูกน้อย ๆ ให้เจริญก้าวหน้า
ต้องไปหาโรงเรียนดี ๆ ให้ลูกได้เรียนและกว่าจะจบการศึกษาได้รับ ปริญญาเป็นที่เชิดหน้าชูตาในสังคมได้ บิดามารดานั้นต้องทํางานหนักทั้งวันและ คืนเพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ จนสําเร็จการศึกษาได้บิดามารดา ก็เหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจ


ครั้นบิดามารดาเห็นลูกน้อย ๆ เจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่มีการศึกษาได้รับปริญญา มีหน้ามีตาในสังคม สมใจแล้วบิดามารดาก็สุขใจและภาคภูมิใจ ทั้งหมดทั้งปวงนี้ ที่บิดามารดาทํานั้นก็เพื่อลูก ๆ ด้วยความบริสุทธิ์ใจแท้ ๆ แม้องค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังตรัสไว้ ในพรหมสูตรว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คําว่า พรหม นี้ เป็นชื่อของ บิดาและมารดา ผู้มีคุณธรรม ๔. อย่าง คือ มีเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ต่อลูก เรียกว่า มีพระพรหมในบ้าน คำว่า บูรพาจารย์ นี้เป็นชื่อของ บิดาและมารดา ผู้เป็นอาจารย์คนแรก ของลูก เรียกว่า มีครูอยู่ในบ้าน

คําว่า อาหุไนยบุคคล นี้เป็นชื่อของ บิดาและมารดา ลูกควรให้ความ เคารพกราบไหว้และให้ของบูชามีข้าวนํ้าเป็นต้น เรียกว่า มีพระอยู่ในบ้าน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บิดามารดาได้ชื่อว่าเป็นพรม เป็นบูรพาจารย์ และเป็น อาหุบไนยบุคคล เพราะเหตุว่า บิดามารดา มีอุปการะมากแก่บุตรทั้งบํารุงเลี้ยงดู ด้วยอาหารทั้งคาวและหวาน ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์ ทั้งที่หลับที่นอนที่อยู่อาศัย เมื่อลูกไม่สบาย เอาไปรักษาจะเสียเงินเสียทอง สักเท่าไหร่ ก็ไม่เป็นไร ยอม ได้เพื่อลูกหาป่วยไข้ทั้งแนะนำพร่ำสอนว่ากล่าวตักเตือนแสดงโลกนี้แก่ บุตรโดยส่งให้ศึกษาวิชาการต่าง ๆ เป็นต้น เพราะฉะนั้น ลูก ๆ ผู้เป็นบัณฑิต พึ่งคิดทําดีตอบแทน แสดงความ เคารพกราบไหว้และสักการะบูชา เลี้ยงดูบิดามารดาด้วยข้าวนำ้เสื้อผ้าอาภรณ์ จัดที่นอน ทั้งนวดมือ นวดเท้า อาบน้ำให้ และล้างเท้าทั้งสองเป็นต้น การที่ลูก ๆ ปรนนิบัติดีต่อ บิดามารดานั้น ผู้เป็นบัณฑิตทั้งหลายย่อมยกย่องสรรเสริญ ลูกๆว่าเป็นคนดี ลูก ๆ จะมีความเจริญรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไปเมื่อลูก ๆละจากโลก นี้แล้วย่อมไปมีความสุขความบันเทิงใจในสวรรค์


ดังนั้นคณะสงฆ์วัดเทพเจติยาจารย์ และ ศิษยานุศิษย์ตลอดถึงสาธุชนทั้ง หลายได้น้อมระลึกถึง เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณวชิโรดม ผู้เป็น พระพรหม ผู้เป็นบูรพาจารย์ และผู้เป็น อาหุไนยบุคคล หรือผู้เป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ใน ทางธรรม ที่สนับสนุน อุปถัมภ์ทุกสิ่งอย่าง ทั้งแนะนําพร่ำสอนว่ากล่าวตักเตือน ด้วยความหวังดีท่านเป็นแบบอย่าง ในการสร้างความดีแก่ชาติ และพระพุทธศาสนาทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่นไปสอนสมาธิที่ประเทศแคนาดา และ อเมริกาเป็นต้น

ท่านสร้างวัดในประเทศไทยหลายสิบวัด รวมถึงวัดเทพเจติยาจารย์ สร้าง วัดไทยในประเทศแคนาดา๖ วัดสร้างโรงเรียนสร้างโรงพยาบาลสร้างสถาบัน ออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ (CIDI) สร้างศูนย์ฝึกอาชีพวัดธรรมมงคล สร้างสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่ อ.คิ้ว จ.นครราชสีมา สร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศไทย และสร้างสถาบันพลังจิตตานุภาพ ทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า ๓๐๐ แห่งเพื่อให้คนได้เรียนสมาธีฝึกหัดจิตตน ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณชิโรดม เป็นแบบอย่าง ในความกตัญญูต่อชาติและต่อพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะท่านกตัญญูต่อ บูรพาจารย์ของท่าน คือ บิดามารดา เช่น นําบิดาเข้าวัดทําบุญต่าง ๆ ทั้งสวดมนต์ ฟังธรรม นั่งสมาธิ นํามารดามาบวชชี รักษาศีลปฏิบัติธรรม ทําบุญใส่บาตร ที่วัดธรรมมงคล กรุงเทพมหานคร

นอกจากนี้ ท่านยังกตัญญุต่อบูรพาจารย์ ที่เป็นพ่อแม่ในทางธรรมคือ อยู่ปรนนิบัติรับใช้ พระอาจารย์องค์แรก คือ หลวงปู่กงมา จิรปุณโญ เป็นเวลา ๘ ปี และอยู่ปรนนิบัติรับใช้ หลวงปู่มั่น ภูริทตโต อีก ๔ ปี ในทุก ๆ ปี ท่านจะ ทําบุญใส่บาตรถวายสังฆทาน พระภิกษุสามเณรกว่า ๑๐๐ รูป เพืออุทิศบุญแด่ บรพาจารย์ของท่านเป็นประจ๋าทุกปี
มีพระรูปหนึ่ง ซึ่งอยู่รับใช้ท่าน ได้เห็นท่านทําบุญใส่บาตรพระภิกษุและ สามเณรเป็นประจําทุกปี เกิดความสงสัยจึงได้กราบเรียนถามท่านว่า หลวงพ่อ ครับหลวงพ่อท่าบุญใส่บาตร ถวายสังฆทานพระภิกษุสามเณรทุกปีอย่างนี้ หลวงพ่อทําความดีมามากมาย ยังมาทําบุญอย่างนี้อีกหรือ หลวงพ่อได้ตอบว่า หลวงพ่อไม่ได้ทำให้ตัวเอง หลวงพ่อทําบุญเพื่ออุทิศบุญ, แก่บูรพาจารย์ทั้งทางโลกและทางธรรม ของหลวงพ่อ


ท่านตอบเพียงเท่านี้ พระรูปนั้นถึงกับน้าตาซีม เกิดความชาบซึ้ง ตื้นตันใจ โอ้หลวงพ่อเป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้ประเสริฐ มีความกตัญญูเป็นเลิศยิ่งใหญ่ ยากจะหาใครเทียบได้ นอกจากนี้ท่านยังบอกอีกว่า หลวงพ่อยังทําบุญอุทิศแด่ ตาปะขาว ผู้รักษาท่านให้หายจากโรคอัมพาต และทําบุญให้แก่นางสาวขริบ ผู้พาท่านไปวัดครั้งแรกอีกด้วย ความเป็นคนดีนี้ ท่านไม่เพียงแต่พูดให้ฟังหรือ ยำสอนอยู่เป็นประจำท่านยังทําให้ดูอีกด้วย ความดีที่ท่านทําไว้เหล่านั้น น่าอัศจรรย์ใจ คือ มีอานิสงส์มากมาย ส่งผลให้ท่านเจริญรุ่งเรือง และทํางาน ใหญ่ ๆได้สําเร็จได้รับปริญญาเอกดุษฎีบัณฑิต ๑๖สาขาได้รับโล่เชิดซูเกียรติทั้ง ในประเทศและต่างประเทศมากมาย และสุดท้ายได้รับสถาปนาสมณศักด์ขึ้น เป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ ที่ สมเด็จพระญาณวชิโรดม พุทธา คมวิศิษฐ์ จิตตานุภาพพัฒนดิลก สาธกธรรมวิจิตร วิเทศศาสนกิจไพศาล วิปัสสนาญาณธุราทร ธรรมยุตติกคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสี ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คือ รางวัลแห่งความดี
เคยเป็น พ่อค้าแตงโม
เรื่องความกตัญญนี้เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณวชิโรดม ได้เมตตาเล่าว่า หลวงพ่อเคยเป็นพ่อค้าแตงโม ในพิธีกฐินสามัคคี ณ วัดราชธรรมวิริยาราม ๑ เมืองออตตาวา ประเทศแคนาดา ดังนี้


หลวงพ่อมาคิดว่า สมาธิที่ได้จากพระอาจารย์กงมา ที่ท่านสอนให้หลวงพ่อ ตอนเป็นเด็กที่วัดป่าสว่างอารมณ์ บ.ใหม่ส่าโรง อ.สีคิ้ว นั้นมันเป็นบุญใหญ่เหลือ เกินถ้าหลวงพ่อไม่ได้สมาธิในครั้งนั้นหลวงพ่ออาจเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้เพราะ สมาธิช่วยจึงรอดมาได้ ในใจอยากจะทํา บุญใหญ่ถวายพระอาจารย์กงมาสักครั้ง พอดีที่วัดป่าสว่างอารมณ์ พระสงฆ์ ขาดผ้าสบงจีวรจึงหาทางที่จะซื้อผ้าขาวสักพับ ๑ มาถวายพระอาจารย์กงมา เพื่อย้อมและเย็บเป็นสบงจีวรให้พระสงฆ์ หลังจากนั้นหลวงพ่อจึงรับอาสา โยมพ่อ โยมแม่ หาบแตงโมไปขายที่ตลาดสีคิ้ว จากบ้านใหม่สําโรงไปตลาดสีคิ้ว ระยะทาง ๑๘ กม. คิดเสียว่า ๒๐ กม. ก็แล้วกัน ไปกลับก็ ๔๐ กม. หลวงพ่อหาบ แตงโมข้างละ ๔ ลูก สองข้างก็ ๘ ลูก ถ้าขายหมดจะได้เงิน ๑๐๐ สตางค์ แต่หลวงพ่อก็ให้เงินโยมแม่ ๙๐ สตางค์ โดยหักค่าขายแตงโมไว้ครั้งละ ๑๐ สตางค์ แล้วเอาไปฝังดิน จํานวน ๑๐๐ ครั้ง จึงจะได้เงินครบ๑๐ บาท ที่หาบไป ขายแบบนี้เป็นปี ๆ ระยะทางที่เดินไปกลับก็ร่วม ๔,๐๐๐ กม. หลวงพ่อหาบแตงโมไปขายอย่างนี้ ลองคิดดูสิขนาดใช้ผ้าหนา ๆ ห่อไม้ คาน ก็ยังหาบเสียจนบ่าแตก หลวงพ่อเคยหาบแตงโมข้างละ ๕. ลูกเหมือนกัน แต่หลวงพ่อตัวเล็กหาบไม่ไหว จึงแอบกินกลางทางกับเพื่อนซะ ๒ ลูก วันหนึ่งโยมพ่อโยมแม่ก็ถามว่าทําไมขายได้ ๙๐ สตางค์เท่านั้น หลวงพ่อก็ บอกว่าคนซื้อเขาต่อราคา ตอนแรกโยมพ่อโยมแม่ก็เชื่อ เมื่อทําบ่อยครั้งโยมทั้ง ๒ ก็ไม่เชื่อ เลยให้พี่ชายเดินตามไปขายแตงโมด้วย หลวงพ่อก็ส่งสัญญาณให้กับ คนซื้อว่าอย่าซื้อ ๆ พี่ชายนั่งขายแตงโมทั้งวันไม่ได้ขายเลยสักลูก หลังจากนั้น โยมพ่อโยมแม่จึงเลิกสงสัย ไม่ถามอีกเลย

เมื่อสะสมเงินได้ครบ ๑๐ บาทแล้ว หลวงพ่อก็ไปซื้อผ้าขาวได้ ๔ พับ ๆ ละ ๒.๕๐ บาท สามารถนําไปตัดผ้าสบงจีวรถวายพระสง์ได้ครบ ๑๐ ชุด แถมยังมี เงินเหลืออีก ๕๐ สตางค์ พอที่จะซื้อน้ามันก๊าดปิ๊บละ ๒๐ ลิตร ได้อีก ๑ ปิ๊บขากลับต้องนั่งรถไฟกลับบ้านใหม่สําโรง พอถึงบ้าน โยมพ่อโยมแม่ถามว่าไปเอา เงินมาจากไหนมาซื้อผ้าขาวพับ และนํ้ามันก๊าดได้มากมายขนาดนี้ หลวงพ่อ ก็บอกว่าผมได้เก็บเงินไว้เป็นปี ๆ จากการขายแตงโม พอโยมทั้งสองได้ฟังแล้ว ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร กลับช่วยกันขนผ้าไปถวายพระอาจารย์กงมาที่วัดด้วยกัน

หลวงปู่กงมา จิรปุณโญ
วัดปาสว่างอารมณ์
วัดราชธรรมวิริยาราม ๑ ประเทศแคนาดา
ภายหลังต่อมาหลวงพ่อได้ถามพระอาจารย์กงมาว่า ผมทําแบบนี้บาปไหม ที่หักเงินค่าหาบแตงโมโยมพ่อโยมแม่ครั้งละ ๑๐ สตางค์ พระอาจารย์กงมาตอบ ว่าไม่บาปหรอก เพราะเป็น *ค่าหาบ” หลวงพ่อได้คําตอบแล้วก็มีความสุขใจ หลวงพ่อ เมตตาสรุปในตอนท้ายว่า หลวงพ่อต้องทนลําบากมาก ๆ เพื่อ ต้องการทําบุญถวายพระอาจารย์กงมาผู้เป็น พระอาจารย์ของหลวงพ่อที่ เมตตาสอนสมาธิให้กับหลวงพ่อ ด้วยอานิสงส์ในการถวายผ้าขาว ๔ พับครั้ง นั้น ปัจจุปันนี้วัดของหลวงพ่อทุกวัด จึงมีผ้าไตรจีวรเต็มมวัด ไม่เคยขาดเลย”


ฉะนั้น เมื่อเราหาเงินมาได้ แล้วแบ่งเป็น ๔ ส่วน ๑. ใช้หนี้เก่า คือ เอาให้บิดา มารดา ๒. เอาให้เขากู้ คือ เอาไว้เลี้ยงลูกให้ดี ๓. ฝากไว้ คือ เอาไปทําบุญ ๔.ฝังไว้ คือ เก็บไว้ใช้ในคราวจําเป็น ดังนั้นถ้าใครมีความกตัญญต่อผู้มีพระคุณ ย่อมมีความสุข ความเจริญ พระอาจารย์หลวงพ่อ ผู้มีความกตัญญูเป็นเลิศและมีความพากเพียร ที่ประเสริฐไม่ท้อแท้ไม่ท้อถอย เพื่อสร้างความดีท่านจึงได้รับรางวัลแห่งความ ดีมากมาย ท่านคือ อภิชาตบุตรผู้เกิดมาเป็นคนดีที่ชาวโลกควรระลึกถึงตลอดไป

 

Related Post