นาย ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมคณะ เดินทางมาติดตามสถานการณ์อุทกภัยใน จ.พิษณุโลก ทั้งการติดตามสถานการณ์น้ำจากหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ห้องประชุม สำนักงานชลประทานที่ 3 อ.เมือง จ.พิษณุโลก และ ได้เยี่ยมประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม บ้านวังกุ่ม ชุมชนแม่ย่า ที่อพยพมาอยู่ในสถานที่สาธารณะริมถนน เชิงสะพานข้ามแม่น้ำยม จำนวน 28 ครอบครัว
จากนั้นได้เดินทางมายัง วัดพรหมเกษร ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ที่เป็นชุมชนที่ลุ่มต่ำสุดของ ทุ่งบางระกำ ที่มีน้ำท่วมขังสูงกว่า 2 เมตร ต้องอยู่กับน้ำท่วมมายาวนานกว่า 2 เดือน พร้อมมอบถุงยังชีพช่วยเหลือ จำนวน 398 ชุด
พร้อมกับกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้มาร่วมรับฟังข้อมูลน้ำล่าสุด เพราะเป็นจุดที่นี่มีน้ำท่วมขังยาวนาน รับทราบถึงสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พิษณุโลก ยังคงเกิดขึ้นอยู่ใน อ.เมือง อ.พรหมพิราม และ อ.บางระกำ ทั้งหมดอยู่ในลุ่มน้ำแม่น้ำยม โดยเฉพาะในทุ่งบางระกำโมเดล ที่ยังคงรับน้ำมาจาก จ.สุโขทัย มาอยู่ในทุ่งเกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้ถึง 143 %
แต่วันนี้เริ่มทรงตัว และลดระดับการเพิ่มของน้ำเพราะน้ำจาก จ.สุโขทัย ลดลงแล้ว ฝนก็น้อยลง ช่วงนี้ยังได้ประสานไปยังเขื่อนสิริกิตต์ ขอให้ลดการระบายน้ำลงเหลือ 50 ล้านลูกบากศ์เมตร/วินาที รวมทั้งเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ก็ลดการระบายลงด้วย
ทำให้แม่น้ำน่านลดลงไปมาก การระบายน้ำออกจากทุ่งผ่านคลองยม-น่าน 2 แห่ง จึงระบายได้มากขึ้น น้ำในทุ่งบางระกำโมเดลวันนี้ก็เลยทรงตัวถึงลดลง คาดว่าประมาณ 31 ตุลาน้ำจะเข้าสู่ระดับปกติ ที่สามารถครอลโทรลได้ โดยต้องให้เวลาในการระบายน้ำตามระบบที่วางไว้ ซึ่งทางรัฐบาล และ สนทช. จะได้จัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำเป็นแผนรวมต่อไปในอนาคต
และ ยังได้ปิดศูนย์แก้น้ำท่วมภาคเหนือ ที่ จ.เชียงราย และ จ.สุโขทัย ตั้งแต่ 15 ต.ค.67 นี้เป็นต้นไป เพื่อจะย้ายไปจัดตั้งที่ ภาคใต้ ที่กำลังเข้าสู่ฤดูมรสุมต่อไป เพราะสถานการณ์น้ำคลี่คลายลง และ รัฐบาลยังได้กำหนดการช่วยเหลือเยียวยาไว้เรียบร้อยแล้ว โดยที่ จ.พิษณุโลก ทางจังหวัดได้เตรียมความพร้อมพร้อมจะเยียวยาได้อย่างทันท่วงที ครัวเรือนละ 9,000 บาท/ครัวเรือน ซึ่งเป็นเพดานสูงสุดรัฐบาลสามารถจ่ายได้