พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ พร้อมกำลังชุดสืบสวน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจศาล จับกุมนายสถาพร หรือ “ยักษ์” สมบุญ อายุ 32 ปี ได้ที่ริมถนนเคหะร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ขณะผู้ต้องหากำลังวิ่งหลบหนี โดยพบเงินสดติดตัวจำนวน 10,000 บาท หลังจากขายรถจยย.ของมารดา เพื่อเตรียมนำเงินใช้ในการหลบหนีต่อ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สภ.รัตนาธิเบศร์

นายสถาพร หรือ “ยักษ์” เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี 2 ฉบับ โดยหมายจับเดิมคือ หมายที่ จ.89/2568 ลงวันที่ 12 มีนาคม 2568 ในคดี “ยักยอกทรัพย์” ซึ่งอยู่ระหว่างการ ผลัดฟ้อง หรือการฝากขังผัดต่อเพื่อรอส่งฟ้องต่ออัยการตามกระบวนการกฎหมาย แต่ในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวใต้ถุนศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี นายยักษ์ได้อาศัยจังหวะหลบหนีออกไปเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ศาลออกหมายจับเพิ่มเติม เลขที่ 724/2568 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ในคดีเดิม เนื่องจากผู้ต้องหาหลบหนีระหว่างผลัดฟ้อง

จากการสอบปากคำเบื้องต้นนายยักษ์ รับสารภาพว่า ตนขับขี่รถจยย.ทั้งคืนเพราะไม่รู้จะไปไหน หานั่งเล่นตามสวนหย่อมและหาซื้อของกินตามข้างทาง ส่วนที่ตัดผมก็ตัดเอง รอบนี้ยอมรับทุกอย่าง และไม่ได้อาฆาตแค้นอะไรกับคู่กรณี วันที่เกิดเหตุตนไม่รู้ทำไปทำไม แต่ยอมรับว่าได้วิ่งหนีออกมาแล้วนั่งแท็กซี่มาที่คลังสินค้าของน้องชาย เพื่อยืมรถจยย.ของน้องชายเข้าบ้านไปเอารถจยย.ของตนเองออกมา จากนั้นไปเจอแม่ที่หน้าปากซอยเลยขอสลับรถจยย.เพื่อขับขี่หลบหนีออกไป ต่อมาวันนี้ (23 พ.ค. 68) ช่วงบ่าย ได้เอามือถือเพื่อนโทรมาหาแม่ และเข้ามาเอารถจยย.ของตนเองเพื่อนำไปขายราคา 20,000 บาท โดยเพื่อนเป็นคนติดต่อให้ แต่คนรับซื้อให้มาแค่ 10,000 บาทก่อน ซึ่งสาเหตุที่ขายเพราะเผื่อไม่อยู่แล้วจะได้มีเงินไว้ให้แม่ติดตัวไว้ใช้จ่าย

ส่วนที่เห็นคลิปกล้องหน้ารถว่าน้องชายตนขับขี่รถจยย.มาพร้อมเพื่อนคือหลังจากที่ตนหนีไปแล้ว ยืนยันว่าน้องชายตนไม่เกี่ยวข้องกับการหลบหนี สำหรับคู่กรณีเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาหลายครั้ง ขโมยของตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย แม้กระทั่งน้ำปลาร้า พอมีคนจับได้ก็บอกจะเอาของมาคืน ที่ไม่แจ้งความเพราะก็สงสารกันแต่คู่กรณีมีพฤติกรรมแบบนี้บ่อย ก่อนหน้านี้โทรศัพท์มือถือของลูกตนก็หายไป วันนั้นตนรู้สึกทนไม่ไหว จึงได้ต่อยไป 1 ครั้ง ทนมานานกับบ้านหลังนี้ พูดแต่ลูกหลานฉันเป็นคนดี ส่วนฟันที่หักจริงๆคู่กรณีมีฟันหน้าแค่ 2 ซี่เท่านั้น ไม่ใช่ 3 ซี่ตามที่อ้าง ตนขอโทษตำรวจที่ทำให้วุ่นวาย แต่สำหรับคู่กรณีเกินจะเยียวยาแล้ว เพราะครอบครัวนี้สร้างความเดือดร้อนรำคาญมาให้ครอบครัวตนบ่อยครั้ง ตนไม่เคยไปวุ่นวายอะไร ที่เหลือก็ว่ากันไปตามกฎหมาย

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบปากคำนายสถาพร ก่อนดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาในคดี “ยักยอกทรัพย์” ตามหมายจับเดิม ส่วนข้อหาเพิ่มเติมในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล อยู่ระหว่างรอการไต่สวนจากศาลเพื่อพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป

ฉัตรมงคล I นนทบุรี