นนทบุรี : สาวตั้งครรภ์วัย 28 ปี ตัวแทนผู้ร่วมบริจาคกว่า 800 ยูสเซอร์ อุ้มท้องร้องมูลนิธิฯดัง หลังโอนบริจาคช่วยสาวป่วยมะเร็ง


มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.กิ๊ฟ (ขอสงวนชื่อ-นามสกุลจริง) อายุ 28 ปี คุณแม่ตั้งครรภ์ลูกแฝด 4 เดือน ซึ่งเป็นตัวแทนจากกลุ่มผู้เดือดร้อนกว่า 800 ยูสเซอร์ เดินทางเข้าร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิฯ และ ว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิฯ หลังร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือหญิงสาวรายหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊กอ้างป่วยมะเร็งเต้านมระยะที่ 3 ขอรับบริจาคเงินเพื่อรักษา โดยระบุว่าต้องใช้ค่ายาเคมีบำบัดและยามุ่งเป้า 18 เข็ม ๆ ละ 30,000 บาท รวมกว่า 520,000 บาท และค่ายากระตุ้นเม็ดเลือดขาวครั้งละ 7,000 บาท ซึ่งอยู่นอกสิทธิประกันสังคม ทำให้มีผู้บริจาคช่วยเหลือจนยอดพุ่งสูงถึงกว่า 1.6 ล้านบาทภายในวันเดียว ซึ่งต่อมาพบพิรุธโอนย้ายเงิน เข้าบัญชีของแม่ตนเอง ตอนนี้คนบริจาครู้สึกเดือดมาก เพราะอุตส่าห์จิตใจดีช่วยเหลือ แต่กลับเจอแบบนี้ จึงเดินทางเข้าร้องเรียนเพื่อให้มีการจัดการตามกฎหมาย และเพื่อให้เป็นตัวอย่างไม่อยากให้ใครทำแบบนี้อีก

ว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิฯ กล่าวว่า สืบเนื่องจากประเด็นที่เป็นกระแสข่าวก่อนหน้านี้ของหญิงสาวที่ป่วยมะเร็งเต้านมระยะที่ 3 ขอรับบริจาคเงินเพื่อรักษาตัว หลังจากโพสต์เพียงวันเดียว มีการชี้แจงยอดเงินกว่า 1.6 ล้านบาท ต่อมาทางโรงพยาบาลได้มีการชี้แจงว่าหญิงสาวไม่ได้นำเงินไปรักษาตัวจริง คนที่บริจาคเงินจึงเกิดไม่สบายใจ เพราะมีจิตใจที่อยากช่วยเหลือแต่ทำไมถึงไม่ได้นำเงินบริจาคไปใช้ตามวัตถุประสงค์ ซึ่งผู้เสียหายได้มีการตั้งกลุ่มไลน์รวมตัวกันประมาณกว่า 800 ยูสเซอร์ นัดรวมตัวกันมาร้องเรียนที่มูลนิธิฯ 5 คน แต่สุดท้ายก็เหลือเพียง น.ส.กิ๊ฟ เพียงคนเดียว ที่อุ้มท้องลูกแฝด 4 เดือน ซึ่งวันนี้จะได้ออกมาพูดในมุมของเขาด้วย อยากฝากถึงทุกคนไว้ว่าคนไทยมีน้ำใจ โอนไว โอนง่ายจริง แต่หากผู้รับบริจาคไม่ได้นำเงินไปใช้ตามวัตถุประสงค์ ก็จะมีคดีความตามมา

น.ส.กิ๊ฟ กล่าวว่า ตนได้ร่วมบริจาคให้กับหญิงสาวที่ป่วยมะเร็งเต้านม ระยะที่ 3 จำนวน 200 บาท ที่ตนมาวันนี้ไม่ได้ต้องการเงินคืนแต่ต้องการคำชี้แจง และความโปร่งใส ว่าได้นำเงินไปทำอะไรบ้าง เพราะทุกคนที่ร่วมบริจาคอยากได้ความสบายใจ ตนเสียความรู้สึกที่อุตส่าห์บริจาคเพื่อช่วยเหลือให้นำเงินไปรักษาตัว แต่พอได้เงินบริจาคกลับไม่โปร่งใส ซึ่งตนมีเจตนาที่ดีและเข้าใจหัวอกของคนป่วย เห็นเพื่อนๆแชร์โพสต์จึงร่วมด้วยช่วยกัน ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้

ต่อมามีเพจเฟซบุ๊กต่างๆขุดเรื่องราวมาโพสต์ คนมาคอมเม้นต์ว่าหญิงสาวคนดังกล่าวได้โยกย้ายเงินไปบัญชีของแม่ จำนวน 1.1 ล้านบาท และมีคนมาคอมเมนต์ทวงหนี้ จำนวน 70,000 บาท ต่อมาหญิงสาวได้โอนเงินคืนไป ทำให้รู้สึกไม่โปร่งใส รู้สึกว่าหญิงสาวต้องการนำเงินหลบหนี และเกิดความสงสัยว่านำเงินบริจาคไปใช้หนี้หรือไม่ ทางโรงพยาบาลได้ออกมาชี้แจงด้วยว่าหญิงสาวไม่ได้เสียเงินในการรักษาตัวด้วยซ้ำ จึงรู้สึกโมโห แค้น ที่มาหลอกพวกเรา และมีเจตนาฉ้อโกงประชาชน มีการลบแชททำให้ยอดเงินไม่ตรงความจริง

ตอนนี้ในกลุ่มที่มีผู้เสียหายกว่า 800 ยูสเซอร์ กำลังรวบรวมหลักฐาน การโอนเงินเพื่อช่วยกันไปแจ้งความในข้อหาฉ้อโกงประชาชน อยากฝากถึงหญิงสาวคนดังกล่าว ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจจริงนำเงินไปรักษาตัวจริงอยากให้ออกไปชี้แจงตามข้อมูลที่โพสต์ไว้หน้าเฟซบุ๊ก พวกเรากว่า 800 ยูสเซอร์ ไม่ได้ต้องการเงินคืนจากคุณแต่ต้องการความโปร่งใสกับเรื่องนี้ ซึ่งตอนนี้ไม่สามารถโอนเงินเข้าบัญชีหญิงสาวได้แล้ว

นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยมีนักพูดสร้างแรงบันดาลใจออกมาขอบริจาค สุดท้ายต้องออกมาชี้แจง แต่พบว่านำเงินไปใช้ซื้ออย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกัน สุดท้ายอัยการได้สั่งฟ้องและเรื่องอยู่ในชั้นศาล ซึ่งหญิงสาวคนนี้ก็ไม่ต่างกัน เงินที่มีคนโอนมามากน้อย ไม่ใช่เพียงแค่โอนเงินกลับไปคืนเขา แต่คือการรับผิดชอบเพื่อไม่ให้มีคดีความเกิดขึ้นมากกว่านี้ ถ้าตนได้เป็นทนายของหญิงสาวที่ป่วยมะเร็ง และมีผู้เสียหายกว่า 800 คน ซึ่งปัจจุบันมีผู้เสียหายที่ได้แจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจและแจ้งความผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งไม่ว่าผู้เสียหายจะไปแจ้งความที่ไหน ก็จะต้องไปที่นั่น

ตนอยากให้มีการไกล่เกลี่ยและหาทางออกร่วมกัน เช่น ชี้แจงยอดเงินบริจาค และนำเงินส่วนที่เหลือไปบริจาคให้กับวัดหรือองค์กรที่เกี่ยวกับผู้ป่วยมะเร็ง ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้ร่วมบริจาค ซึ่งมันทำให้สถานการณ์ดีกว่านี้และในด้านกฎหมายสามารถเป็นเหตุบรรเทาโทษได้ แต่หากกรณีต้องการต่อสู้ทางคดี อย่าลืมว่ามีผู้เสียหายที่รวมตัวกันกว่า 800 ยูสเซอร์แล้ว

เบื้องต้นจากกรณีนี้เข้าข้อหาคือ 1. ฉ้อโกงประชาชน 2.พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทั้ง 2 ข้อหา มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท และยอมความไม่ได้ และ 3.พระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร การรับบริจาคเงินโดยไม่ขออนุญาต ซึ่งมีความผิดตามกฎหมาย ตนอยากฝากเตือนหญิงสาวที่ป่วยมะเร็ง คนที่ร่วมบริจาคเขาคิดเพียงนิดเดียว และคิดนิดเดียวหากจะไปแจ้งความ ตนอยากเตือนให้ออกมาชี้แจงให้ชัดเจน และขอโทษผู้ที่ร่วมบริจาคด้วย


ภาพ / ข่าว :
ฉัตรมงคล จังหวัดนนทบุรี